พิธีวางศิลาฤกษ์ อาคารอเนกประสงค์ "เรือนแก้วมณีรัตนะ"
ณ วัดยางลอ เมืองเชียงตุง ประเทศพม่า
คุณแม่ชีรัชดา
อมาตยกุล และคณะฯ ได้ร่วมจัดพิธีการวางศิลาฤกษ์
อาคารอเนกประสงค์ "เรือนแก้วมณีรัตนะ" ณ วัดยางลอ เมืองเชียงตุง
ประเทศพม่า ระหว่าง วันที่ ๗-๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๓
พร้อมกันนี้ คุณแม่ชีรัชดา
อมาตยกุล ได้ถวายปัจจัยงวดแรก ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท
เพื่อเป็นทุนก่อสร้างเรือนแก้วมณีรัตนะ ภายในงานเจ้าอาวาสวัดยางลอและคณะศรัทธาได้จัดให้มีพิธีสืบชะตาสะเดาะเคราะห์
ซึ่งเป็นพิธีพื้นถิ่นแบบไทขืน
และระหว่างนำคณะเยือนเชียงตุงคุณแม่ชี
ดร.รัชดา ได้เยี่ยมสถานธรรมแม่ชี ซึ่งเป็นที่ให้การอุปการะแม่ชีน้อยกว่า ๑๐๐ ชีวิต
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกำพร้าและยากจน
ขอบคุณคลิปจากคุณ Vithan
โดยก่อนหน้านี้เมื่อปี
พ.ศ ๒๕๕๕ ได้จัดพิธีถวายพระเจดีย์ชัยมงคล ณ วัดเฟยรุง เชียงตุง รัฐฉาน
ประเทศพม่า โดยคุณแม่ชีรัชดา อมาตยกุล
เป็นประธานการสร้าง
ประวัติศาสตร์เมืองเชียงตุง
เมืองเชียงตุง
ตั้งอยู่ในรัฐฉานของประเทศพม่า ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองลูกหลวงของเชียงรายด้วยในรัชสมัยของพระยามังราย
เมื่อครั้งพระองค์ทรงเสด็จประพาสป่าและทรงไล่กวางทองมาจนถึงเมืองเชียงตุง เมื่อราวจุลศักราช
๗๙๑ (พ.ศ. ๑๗๗๒) ทรงพอพระทัยภูมิประเทศ จึงทรงวินิจฉัยให้ข้าราชบริพารแกะสลักรูปพรานจูงหมาพาไถ้แบกธนูไว้บริเวณยอดดอยที่มองเห็นเมือง
จากนั้นเมื่อพระองค์เสด็จกลับมาเมืองเชียงรายได้ทรงส่งกองทัพ นำโดยแม่ทัพ “ขุนคง”
และ “ขุนลัง” ให้เคลื่อนทัพมาชิงเมืองจากชาวลัวะในครั้งแรกแต่ก็ไม่สำเร็จ
พระองค์จึงส่ง“มังคุม”และ“มังเคียน” ซึ่งเป็นชาวลัวะที่อาศัยอยู่กับพระองค์มารบอีกครั้ง
จนก็ได้ชัยชนะ และทรงมอบให้ทั้ง ๒ ปกครองเมืองเชียงตุง ภายหลังเมื่อ”มังคุม”
“มังเคียน”สิ้นชีวิต พญามังรายทรงส่ง “เจ้าน้ำท่วม” พระนัดดาไปปกครองเมืองเชียงตุงต่อ
เมื่อ พ.ศ. ๑๗๘๖ เชียงตุง จึงเป็นเมือง "ลูกช้างหางเมือง" หรือ
"เมืองลูกหลวง" ขึ้นกับอาณาจักรล้านนา
จากหลักฐานได้ระบุไว้ว่ามีเจ้าฟ้าปกครองอยู่
๓๓ พระองค์ พระองค์สุดท้าย คือ "เจ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลง" ด้วยใน ปีพ.ศ.
๒๑๐๗ พญาแก้วรัตนภูมินทร์ยอมอ่อนน้อมต่อพม่าในสมัยพระเจ้าบุเรงนองที่เป็นกำลังสำคัญของพม่าในการปราบปรามรัฐไทยต่างๆทำให้เชียงตุงกลายเป็นประเทศราชของพม่าอย่างสงบ
๒๐๐ ปี
กระทั่งสมัยพญากาวิละกอบกู้เชียงใหม่จากการยึดครองของพม่าหันมาเป็นประเทศราชของสยาม
พญากาวิละได้ยกทัพไปตีเมืองต่างๆตามแม่น้ำสาละวินรวมถึงเมืองเชียงตุงให้เข้ามาตั้งรกรากในเชียงใหม่
และเกลี้ยกล่อมให้เชียงตุงมาขึ้นกับเชียงใหม่ดังเดิม
จนถึงสมัยของเจ้ามหาขนานจึงกลับไปเป็นประเทศราชของพม่าอีกเมื่อ พ.ศ. 2356
เมื่อเชียงตุงไปเป็นประเทศราชของพม่าอีกครั้งทางเชียงใหม่ยังคงเป็นประเทศราชของสยาม
ทำให้สยามไม่ไว้ใจเชียงตุงเพราะมีข้อความขัดแย้งระหว่างพม่ากับสยาม จึงให้เชียงใหม่คอยสอดส่องดูแลอย่างใกล้ชิด
สุดท้ายจึงกลายเป็นสงครามเชียงใหม่-เชียงตุง ๓ ครั้ง
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่
๒ หลังจากไทยลงนามเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น รัฐบาลจอมพล แปลก พิบูลสงคราม
ได้จัดตั้งกองทัพพายัพ และส่งกำลังทหารที่มีพลตรีผิน
ชุณหะวัณเป็นแม่ทัพเข้ายึดครองเมืองเชียงตุงได้เมื่อ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๕
ไทยได้ยึดเมืองเชียงตุง และ เมืองพานจากอังกฤษ
มาจัดตั้งเป็นส่วนหนึ่งของไทยในชื่อสหรัฐไทยเดิม
รัฐบาลไทยได้ทูลเชิญเจ้าเมืองเหล็กพรหมลือโอรสของเจ้าก้อนแก้วอินแถลงมาเป็นเจ้าฟ้าสิริสุวรรณราชยศพรหมลือครองเมืองเชียงตุง
โดยมีพลตรี ผิน ชุณหะวัณเป็นข้าหลวงใหญ่ ในการนี้ กองทัพไทยยังเข้าไปโจมตีและปกครอง
เมืองตองยี ครึ่งใต้ของเมืองมัณฑะเลย์ และหวังจะครอบครองสิบสองปันนาอีกด้วย
เมื่อสงครามสิ้นสุด ญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงคราม ไทยจึงคืนดินแดนสหรัฐไทยเดิมให้แก่อังกฤษ
เจ้าฟ้าพรหมลือและครอบครัวอพยพมาอยู่ที่เชียงใหม่
ในปี
๒๔๙๑ พม่าได้รับเอกราชจากอังกฤษ เชียงตุงจึงถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐฉาน
ประเทศพม่า โดยยังมีเจ้าฟ้าปกครอง จน พ.ศ. ๒๕๐๕ นายพลเนวินปฎิวัติปกครองประเทศด้วยระบบสังคมนิยม
ระบบเจ้าฟ้าของเชียงตุงจึงถูกยกเลิกไป หอคำของเชียงตุงถูกพม่าทำลายเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๔
หลังสิ้นสุดการปกครองระบบเจ้าฟ้า
ผู้มีอำนาจสูงสุดในเชียงตุงเป็นตำแหน่งทางทหารเรียก ไตมู (แม่ทัพภาค)
เมืองที่ขึ้นกับเมืองเชียงตุงจะมีทหารในตำแหน่ง พัวหะมู (รองแม่ทัพภาค) ปกครอง
ขอขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย
0 ความคิดเห็น